เฉลย Case 4 คดีฆาตกรรมนักเขียนเรื่องฆาตกรรม

 

1. เมื่อเวลาที่แอ็กเนสได้รับโทรศัพท์จากสายสืบ เธอต้องมีชีวิตอยู่ นั่นคือ เวลาไ่ม่เร็วไปกว่า 8.32 น. (สายสืบรายงานว่าเห็น แจ็กเกอลีน เวลานี้แล้ว) แพทย์สันนิษฐานว่าเธอตายไม่เกิน 9.12 น.

ดังนั้น ช่วงเวลาเกิดเหตุฆาตกรรม คือ 8.32 ถึง 9.12 น.

2. ไม่มีใครที่จะมาถึงบังกะโลของแอ็กเนส เพื่อฆ่าเธอและกลับไปในที่ๆตำรวจพบได้เลย

แบรดฟอร์ดอยู่บนรถไฟ เวลา 9.03 ถึง 9.53 น. ไม่มีทางมาบังกะโลเร็วกว่านั้น

มอนตี้ร่อนเฮลิคอปเตอร์ลงที่แฮร์ฟิลด์ เมื่อ 9.48 น. ซึ่งมีระยะบินห่างจากบังกะโลถึง 2 ชั่วโมง 31 นาที

แจ็คเกอลีน ก็คงไม่สามารถขับรถให้มาถึงบังกะโลได้ก่อนเวลา 9.47 น. (เลยเวลาที่จะทำการฆาตกรรมได้)

นอร่า อยู่บนเกาะ ยังไงๆก็ฆ่าคนให้ตายไม่ได้

เฮนเรียตต้าเอง ก็ไม่มีทางที่จะมาถึงบังกะโล ก่อนเวลา 9.30 น. เช่นกัน

นี่สิจึงเกิดปัญหา เพราะว่าคนที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยกลับหลุดหมด

3. เหตุผลในข้อ 2 แสดงว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดการฆาตกรรมในบังกะโล แล้วหากเกิดการฆาตกรรมนอกบังกะโลล่ะ

4. แจ็กเกอลีน เป็นคนเดียวที่มีโอกาสลงมือได้ (แม้กว่าเธอจะขับถึงบังกะโล เวลาก็จะเลย 9.47 น.) แต่หากเธอนัดแนะให้เเอ็กเนสขี่จักรยานออกมาหาเธอกลางทาง เพื่อเจรจาตกลงกันซึ่งเธอใช้จังหวะนี้ลงมือสังหาร (เธอเป็นคนเดียวในช่วงเวลา 8.32 น.ถึง 9.12 น. ที่มีโอกาศจะพบเเอ็กเนสได้) เสร็จ

แล้วก็ลองสมมุติดูว่า หากแจ็กเกอลีนขับรถออกจากเเคลคเมาท์ได้สัก 40 นาที (หรือประมาณระยะทาง 8/15 ของระยะห่างทั้งหมด) ก็พบแอ็คเนส คุยสักครู่ก็ฆ่าเธอทิ้ง แล้วนำศพและจักรยานกลับไปทิ้งที่บังกะโลตามเดิม เป็นการอำพรางคดี และขับรถหนีออกไป

ปืนของแอ็กเนสที่วางอยู่อย่างไร้การขยับเขยื้อนข้างเครื่องพิมพ์ดีด ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ไม่มีการต่อสู้ขัดขืนภายในบังกะโลของเธอเป็นแน่

ผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆไม่มีโอกาสทำแบบนี้ มีก็แต่เฮนเรียตต้า ซึ่งอาจจะเจอแอ็กเนสที่ออกมาขี่จักรยานเช่นกัน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็หมายความว่า แอ็กเนสต้องเป็นคนประเภทปั่นรถแข่งได้สบายๆ และก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่า เฮนเรียตต้าจะกลับมาบ้านทันตอนที่ตำรวจโทรมาได้อย่างไร

นอร่าและแบรดฟอร์ดยิ่งไม่สามารถทำการฆาตกรรมได้ เพราะอยู่แต่บนเกาะกับบนรถไฟ หรือแม้แต่มอนตี้ ก็บินห่างออกจากบังกะโลในช่วงเวลานี้

แจ็กเกอลีน ฆาตกรจิตไม่ปกติรายนี้ รับสารภาพในที่สุด







Previous
Next Post »