ปริศนาฉุกคิด 9 คดีสืบหาทายาท

หลังจากที่วัตสัน ได้ช่วยคลี่คลายคดีต่างๆมามากมายแล้วก็เริ่มรู้สึกว่า วิทยาการสมัยใหม่ทางด้านการพิสูจน์หลักฐานได้ก้าวล้ำหน้าไปมากทั้งการวิเคราะห์ในระดับไมโคร ซึ่งตาคนหรือกล้องจุลทรรศน์ทั่วๆไปไม่สามารถจะเห็นได้จึงรู้ว่าตัวเองเริ่มที่จะล้าหลัง เห็นทีจะต้องลาโรงไปพักสักพักเพื่อเก็บตัวฝึกปรือวิชา ให้กล้าแข็งกว่านี้จึงจะทันเกมส์ของคนร้ายในอนาคตได้ แต่ก่อนจะจากไป ก็มิวายจะได้รับคำขอร้องจากทนายเพื่อนสนิท จอห์น โจนส์ ให้ช่วยคลี่คลายคดีสืบหาทายาทที่หายไป เรื่องของเรื่องเริ่มขึ้นอย่างนี้

มหาเศรษฐีน้ำมัน เอช ไวซ์ทีเมอร์ เคมพ์ ด่วนจากไปอย่างไม่มีวันกลับเมื่ออายุแค่ 80 หยกๆ ทรัพย์สมบัติมหาศาลใช้ 30 ชาติไม่หมดที่หลงเหลืออยู่ ก็เขียนพินัยกรรมทิ้งให้กับลูกชายที่ชื่อ จอร์จ ดูแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องที่ทนายอย่างมิสเตอร์โจนส์สามารถสะสางได้โดยไม่ยาก 

แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าลูกชายที่ชื่อจอร์จคนนี้น่ะ ได้สาบสูญหายไปในขณะที่ครอบครัวกำลังท่องเที่ยวในประเทศฝรั่งเศศ เมื่อปี ค.ศ.1940 โน่นแน่ะ โดยตำรวจสงสัยว่าจะถูกลักพาตัวไป ป่านนี้ก็คงอายุปาเข้าไปห้าสิบกว่าแล้ว และไม่รู้ว่าอยู่ไหน บังเอิญเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นพอดี ครอบครัวเคมพ์จึงต้องพากันหนี เลยไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับผู้ลักพาตัวบุตรชายไป ใครๆก็นึกว่าจอร์จน้อยคงกลับบ้านเก่า ตายไปซะแล้ว… 

นอกจากคุณเคมพ์เท่านั้น ที่ยังปักใจว่าลูกชายยังบมีชีวิตอยู่ ตลอดหลายสิบปีมานี้แกเสียเงินเป็นล้านๆเหรียญ เพื่อสืบเสาะหาร่องรอย แต่ก็ไร้ผล… จนถึงลมหายใจสุดท้าย

ทนายโจนส์ใช้วิธีประกาศสืบหาทายาทลงในหนังสือชั้นนำทุกฉบับของโลก เพื่อหาทายาทที่ชื่อ จอร์จ มาให้ได้ ผลของการประกาศนี้ คือ มีคนเสนอหน้ามาตู่เป็นจอร์จ ถึง 487 คนด้วยกัน มีกันทุกรูปแบบ ทุกสารรูป บางคนแก่กว่าตัวสิสเตอร์เคมพ์เองเสียอีก เลยไม่รู้ว่าจะมาเป็นลูก หรือเป็นพ่อกันแน่ บางคนก็ชื่อจอร์จ แต่หน้าตาละม้ายมาทางอีสานบ้านเราซะมากกว่า อีกรายนี่แน่กว่าเพื่อน บอกว่าไอ้เจ้าเต่าที่อยู่ในคูหลังบ้านเป็นจอร์จที่กลับชาติมาเกิดและช่วยจ่ายค่าเช็คมรดกให้เร็วๆหน่อย

ในระหว่างนี้ก็มีข่าวรั่วออกไปว่าจอร์จมีตำหนิที่หลังหูขวา ปรากฏว่าในกลุ่มผู้สมัครีคนที่มีตำหนิถึง 50 คน บางคนลงทุนสักมาก็มี หลังจากทนายโจนส์ใช้วิจารณญาณคัดจอร์จปลอมที่ไม่มีตำหนิออกไป และคัดจอร์จปลอมที่ตำหนิไม่ถูกต้องออกไป ก็เหลือเพียง 4 คนเท่านั้นที่อยู่ในข่าย และเล่าเรื่องในอดีตสมัยเด็กได้อย่างมีเหตุผลน่าเชื่อถือ

ทั้ง 4 คน มีเรื่องเล่าที่ตรงกับอดีตของมิสเตอร์เคมพ์ คือ แกชอบไปชมงานโอลิมปิกเกมทุกๆนัด ชอบเล่นสกี สะสมเหรียญ และชอบสำรวจท้องถิ่นแดนไกล เช่น ไซบีเรีย จึงยากที่จะเดาว่าใครคือตัวจริง แต่ละคนต่างเล่าเรื่องของตัวเอง

จอร์จคนที่ 1 เล่าว่า


“ป๋าสอนวิธีเล่นสกีให้ผมในขณะที่เรามาสวิตเซอร์แลนด์ ผมยังจำได้ดีเลยครับว่าป๋าชอบสะสมเหรียญมาก ป๋าหยิบเหรียญอันหนึ่งให้ผม เป็นเหรียญของอังกฤษ ซึ่งผมห้อยคอมาจนทุกวันนี้ บนเหรียญมีสลักคำว่า “จอร์จที่ 1” (GEORGE I) อยู่ด้วย ผมคิดว่าป๋าอาจตั้งชื่อผมตามท่านก็เป็นได้”



จอร์จคนที่ 2 เล่าว่า


“ ใช่แล้ว คุณพ่อพาผมไปโอลิมปิกในปีนั้นเอง และผมก็เลยถูกลักพาตัวไปหลังจากนั้นไม่นาน ผมอายุเพียง 4 ขวบในตอนนั้น แต่ผมจำได้ดีถึงขบวนพาเหรดในสนามที่สวยงาม ธงทิวปลิวไสว คบเพลิงบนอัฒจันทร์ เวลานั้นช่างเป็นเวลาที่ตื่นเต้น และน่าจดจำสำหรับวัยอย่างผมในขณะนั้นเสียเหลือเกิน”


จอร์จคนที่ 3 เล่าว่า


“มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมจำได้ แด็ดดี้พาผมไปดินแดนหนาวเหน็บของไซบีเรีย เราบินไปด้วยเครื่องบินลำเล็กไปลงที่ที่ขุดเจอซากช้างโบราณ (Mammoth) ออกมาจากน้ำแข็ง เราเดากันว่าคงจะมีอายุหลายพันปี แต่ดูแล้วเนื้อและอวัยวะต่างๆยังดีๆอยู่เลย คงเพราะความเย็นจัดช่วยรักษาไม่ให้มันเน่าเปื่อย ผมยังมีโอกาสได้ลิ้มชิมรสเนื้อช้างโบราณปิ้งนี้ด้วยนะครับ แด็ดดี้กับผมไม่มีใครชอบเลย”



จอร์จคนที่ 4 เล่าว่า


“ผมจำได้ถึงตอนที่ปาป้าพาผมไปสวิตเซอร์แลนด์แดนหิมะ ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกครับว่ามันเป็นประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รู้แต่ว่าอากาศแสนจะหนาวเย็น มีภูเขาและคนเล่นสกีกันมาก และคนก็พูดภาษาแปลกๆที่ผมฟังไม่ออก ผมยังจำว่าปาป้าเขียนจดหมายถึงบ้านแล้วแปะแสดมป์ดวงสวยไว้บนหน้าซอง บนแสตมป์เขียนว่า สวิตเซอร์แลนด์ด้วย ผมพึ่งจะหัดเขียนหนังสือในเวลานั้นเลยลอกคำๆนั้นเก็บเอาไว้ ซึ่งภายหลังผมมาดูที่ลอกเอาไว้ ก็ทำให้รู้ว่าประเทศที่ผมไปนั้น คือ สวิตเซอร์แลนด์”

หลังจากวัตสัน วิ่งปร้าดเข้าไปในห้องสมุด เปิดเอ็นไซโคพีเดียอยู่สักพักเดียวก็วิ่งออกมาหาทนายโจนส์ และบอกว่า “ปิดคดีได้เลยเพื่อนเอ้ย รู้แล้วว่า 3 คนที่โกหกคือใคร” คุณละรู้ไหม

* เราเป็นนักสืบยุคอินเตอร์เน็ตแล้ว ไม่ต้องวิ่งไปเปิดเอ็นไซโคพีเดียนะ 555 เปิด google เลย :)


ปริศนาท้าความคิด

  • ใครใน 4 คนนี้ที่โกหก
  • คนที่พูดจริงคือใคร





Previous
Next Post »